22 Jun 2013
Review

คมจัดชัดจริง !!! รีวิว Samsung UHD TV UA65F9000 เปิดศักราชใหม่มาตรฐานจอทีวี [2013]


  • lcdtvthailand

ภาพ

เรื่องภาพถือว่าเป็นไฮไลท์ในพาร์ทรีวิวนี้เลย เพราะเจ้า UA65F9000 มีความละเอียดแบบ Ultra HD (UHD) 3840 x 2160 ผลรวมออกมาประมาณ 8.29 ล้านพิกเซล ละเอียดยิบจับใจ ถึงแม้ปัจจุบัน (เดือน 11 ปี 2013) ยังไม่มีคอนเทนต์ UHD เอามาดูด้วยก็ตาม ถึงจะมีก็มีแต่คอนเทนต์ทดสอบหน้าร้าน ซึ่งถ้าพูดกันตามเนื้อผ้านั้น การเล่นคอนเทนต์ UHD กับทีวี UHD มันจึงแสดงผลได้เต็มศักยภาพกว่าการนำเอาคอนเทนต์ความละเอียดแค่ Full HD มาเปิด ตัวหน้าจอเองก็ใช้ Ultra Clear Panel จอดำเงา..ใสดั่งกระจก ที่โด่งดังตั้งแต่ LCD TV รุ่น A650 ซัก 4-5 ปีที่แล้ว พร้อมชิพ 3D Hyper Real Enigine และชิพประมวลผลแบบ QuadCore พร้อมตัวช่วยอัพสเกลภาพความละเอียดจาก HD ให้เป็น UHD อีกหนึ่งจุดเด่นคือการใช้เทคโนโลยีหลอดกำเนิดแสงแบบ Edge LED พร้อมความสามารถในการทำ Local Dimming ได้ ทาง Samsung เรียกว่า Micro Dimming Ultimate (Local Dimming) โดยเราสามารถเลือกระดับความเข้มข้นในการใช้งานฟีเจอร์นี้ได้ด้วยการเข้าไปเลือกที่ฟังก์ชั่น Smart LED ซึ่ง Edge LED TV รุ่นก่อนๆจะไม่มีให้ปรับ สุดท้ายคือระบบ 3D แบบ Active พร้อมแถมแว่นทรงบางเฉียบมาให้ 2 อันด้วยกัน    

สัดส่วนภาพ : Picture Size
ก็เหมือนกับทีวี Full HD รุ่นปกติทั่วไป UA65F9000 มีสัดส่วนภาพให้เลือกสรรมากมาย แต่เหนือสิ่งอื่นใดหากท่านต้องการความถูกต้องสมจริงในการดูหนัง HD ไม่ว่าจะจากเครื่องเล่น Blu-ray Player หรือ HD Player “Screen Fit” คือสัดส่วนภาพที่ท่านควรเลือกเพราะจะแสดงภาพจากต้นฉบับออกมาถูกต้อง พิกเซลต่อพิกเซล ไม่มีครอปด้านข้างให้หายไป หากเราดูเคเบิ้ลทีวีหรือพวกฟรีทีวีก็ให้เลือกสัดส่วนแบบ 16:9 ภาพก็จะเต็มจอสวยงาม  

Picture Size : สัดส่วนภาพ

โหมดภาพสำเร็จรูป : Picture Mode

ในขณะที่โหมดภาพสำเร็จรูปนั้นประกอบไปด้วย Dynamic / Standard / Natural / Movie แนะนำว่าทีวี Samsung ไม่วาจะเป็น LED หรือ Plasma TV ต้องใช้โหมดภาพ “Movie” เท่านั้น ซึ่งจะแสดงสีค่อนข้างเที่ยงตรงสุด เป็นธรรมชาติ รายละเอียดครบถ้วน แถมดูสบายตาอีกต่างหาก ที่ผมชอบใจคือภาพจะไม่ได้ติดเหลืองมาก อุณหภูมิสีอยูู่ประมาณ 7000K++ ถึงแม้จะไม่ถูกต้อง 100% แต่ผมว่าโดนใจผู้ใช้งานจริงและก็ยังอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้องอยู่พอสมควรด้วย เรียกว่าได้ 2 เด้ง ผมจึงใช้โหมดนี้ทดสอบรับชมรวมถึงปรับภาพขั้นสูงทั้ง White Balance และ Color Management System

โหมดภาพสำเร็จรูปพร้อมอัตราการบริโภคไฟกับการรับชมหนังจริงๆ
โหมดภาพ Movie : ก่อนปรับภาพ White Balance ล้นไปทางน้ำเงินชุ่มฉ่ำเช่นเคย ส่วนค่า Color (Saturation) ก็ดูติดเข้มไปซักนิด
หลังจาก Calibrate 10 Point White Balance ซึ่งปรับค่าง่ายมาก ค่าออกมาได้สมดุลดีเยี่ยมที่สุดตัวนึง ทีวี Samsung ทุกรุ่นปีนี้ปรับภาพง่ายมาก ขยับนิดๆหน่อยๆก็ลงล็อค ผลลัพธ์ภาพออกมาก็สวยเป็นธรรมชาติ
Picture ModeCTTGammaLuminance
avgavgFL
Dynamic193951.1134.5
Standard109801.5299.3
Natural111781.45102.6
Movie73532.0873.1
Calibrated (Movie)64672.2549.3
โหมด Movie ให่ค่าใกล้เคียงกับค่าอ้างอิงมากที่สุด
จึงใช้ปรับภาพและทำการทดสอบในครั้งนี้

ทดสอบภาพ 2 มิติ
การทดสอบนั้นโดยหลักแล้วจะใช้คอนเทนต์ Full HD 1080p, แผ่น Blu-ray Mastered in 4K และ 4K UHD Content ที่ทาง Samsung เองใช้สาธิตหน้าร้าน เริ่มจากหนังคุ้นเคยก่อนอย่าง Journey 2 : The Mysterious Island เพราะผมเองเคยใช้เรื่องนี้ทดสอบทั้ง Sony KD-84X9000A และ LG 84LM9600 Ultra HD จอใหญ่ค่ายคู่แข่งมาแล้ว เนื้อภาพโดยรวมมีความสดใส เปิดกระจ่างใจตามสไตล์ Samsung ปัญหาคือความละเอียของหนังจะต่ำกว่าความละเอียดของจอถึง 4 เท่า ซึ่งแน่นอนว่าหากเราไม่สังเกตใกล้ๆจอทีวีก็จะพบถึงความไม่คมชัดบ้างซึ่งเป็นเรื่องปกติ และจุดนี้เป็นจุดที่ UHD TV โดนโจมตีอยู่บ่อยๆ แต่ทว่าหากมานั่งดูระยะซัก 2.5-3 เมตรขึ้นไปกลับไม่เห็นความต่างอย่างมีนัยยะ กล่าวคือภาพถือว่าดูได้ดูดีเหมือนทีวี Full HD ทั่วไป จอ Ultra Clear Panel ช่วยเสริมความอิ่มลึกของภาพได้ดีขึ้น สีสันบนใบหน้าของตังละครติดเข้มนิดหน่อย สามารถลดค่า Color ลงมาซัก 2 หน่วย ก็ถ่ายทอดออกภาพมาได้ถูกต้องสมจริงขึ้นมาอีกขั้น 

Journey 2 แบบ 1080p เล่นบนจอ UHD TV ขนาด 65″ ระยะรับชมดู 3 เมตร ภาพเจ๋งไม่เบา

ความสะอาดสะอ้านของภาพเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของ UHD TV ตัวนี้ โดยโหมดภาพที่ใช้คือ โหมด Movie ให้แสงสีได้เป็นธรรมชาติ ขับรายละเอียดต่างๆออกมาหมดอยู่แล้ว พวกฟังก์ชั่น Noise Reduction ปิดเรียบ ที่แนะนำให้เปิดก็มีแต่ “Motion Plus” ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นช่วยแทรกเฟรมภาพ เพราะด้วยความที่ทีวีมีเม็ดพิกเซลเยอะประกอบกับขนาดจอที่ใหญ่มาก จะมีการ “ขี้ฟ้อง” เรื่องการแสดงภาพเคลื่อนไหวโดยเฉพาะฉากแพนกล้องหรือตัวละครเคลื่อนไหวไวๆ (พวกจอ 84″ & 85″ จะยิ่งจับผิดง่ายเพราะจอใหญ่ เม็ดพิกเซลใหญ่) การเปิดระดับ “Clear” ก็ถือว่าเพียงพอที่จะทำให้ภาพเคลื่อนไหวราบลื่นขึ้น ให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจไม่ว่าจะเป็นฉากกระโดดเป็นลิงของเจ้า Spiderman ฉบับ Mastered in 4K หรือฉากต่อสู้แบบตะลุมบอนใน Marvels The Avengers โดยที่ไม่ถึงกับต้องขยับขึ้นไปสูงถึงระดับ Smooth ที่จะสูญเสียความเป็นธรรมชาติมากจนเกินไป    

ฉากต่อสู้เคลื่อนไหวเร็วๆแนะนำเปิด Motion Plus เป็น Clear
หนัง Mastered in 4K อย่างเรื่อง Spiderman ให้ขอบเขตสีที่กว้างกว่า และรายละเอียดภาพที่ดีกว่าหนัง Blu-ray 1080p ทั่วไป
รองรับ Digital TV ด้วยนะ โดยเราเลือกจูนได้ทั้ง Ananlog และ Digital