03 Oct 2019
Review

รีวิว ViewSonic X10-4K Smart Projector 4K HDR ดู YouTube Netflix ได้ มาพร้อมลำโพงจาก Harman/Kardon


  • TopZaKo

ภาพ

สเปคด้านภาพ ViewSonic X10-4K เครื่องนี้ เป็น DLP โปรเจ็คเตอร์ที่ใช้แหล่งกำเนิดแสงแบบ LED สามารถ ใช้งานได้สูงสุด 30,000 ชั่วโมง ให้ ความสว่างสูงสุด 2400 LED Lumens ความละเอียดภาพแบบ 4K UHD 3840×2160 Pixel อัตราส่วนภาพแบบ 16:9 มี Contrast Ratio อยู่ที่ 3000000:1 แถมยังรองรับการแสดงผลแบบ HDR ได้อีกด้วย และเนื่องจากเป็น Short Throw Projector ฉายในระยะเพียง 1.77 เมตรก็สามารถให้ภาพได้ใหญ่ถึง 100 นิ้วแล้ว เรียกได้ว่าจัดเต็มสำหรับโปรเจ็คเตอร์แบบ Home Entertainment จริงๆ

***ข้อดีของโปรเจ็คเตอร์ที่ใช้แหล่งกำเนิดแสงแบบ LED คือสามารถเปิดเครื่องได้เร็วกว่า และอายุการใช้งานของแหล่งกำเนิดแสง (หลอดไฟ) ที่ยาวนานถึง 30,000 ชั่วโมง ซึ่งมากกว่าโปรเจ็คเตอร์ที่ใช้แหล่งกำเนิดแสงแบบหลอดไส้ทั่วไปที่ส่วนใหญ่มีอายุการใช้งานเพียงแค่ 3000-4000 ชั่วโมง เท่านั้น***

ความสว่าง 2400 LED Lumens ถือว่าสู้แสงได้ในระดับหนึ่งสามารถใช้งานในห้องที่มีแสงรบกวนเล็กน้อยได้อย่างไม่มีปัญหา แต่หากนำไปใช้ในห้องที่มืดสนิท 100% จะให้ผลลัพธ์ของภาพที่ดีที่สุดครับ
ตัวอย่างระยะฉายของ ViewSonic X10-4K
มาเริ่มทดสอบด้านภาพกัน
ค่าของโหมดภาพต่างๆ ที่เราวัดได้

ถึงแม้ว่า ViewSonic X10-4K เครื่องนี้จะเป็น Smart Projecter แบบเน้นการใช้งานสะดวกสบาย แต่เรื่องคุณภาพของภาพก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน ค่าที่วัดได้จาก โหมดสำเร็จรูป ของโรงงานถือว่าอยู่ในระดับ “ใช้ได้” โดยโหมดสำเร็จรูปที่ แนะนำ ให้ใช้คือโหมด User จะให้ภาพที่ถูกต้องที่สุด ภาพที่ได้ให้ สีสันออกแนวสดใส รุกเร้า อยู่บ้าง แต่ก็ยังคงมีความ เป็นธรรมชาติ อยู่ในระดับที่ดี สามารถใช้งานรับชมทั่วไปได้อย่างไม่มีปัญหาเลยครับ

ภาพจากเรื่อง Tranformers รายละเอียดต่างๆ ของหุ่นยนต์มีความชัดเจน สีสันสดเด้งในระดับหนึ่งเลย

ในส่วนของการ ปรับภาพแบบละเอียด ก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยสามารถปรับในส่วนของ 1-Point white balance, Color management system (color space) และ Gamma ซึ่งการปรับค่าต่างๆ นี้จะส่งผลถึงภาพทั้งในแบบ SDR และ HDR เลยครับ 

***เนื่องจากใช้ค่าปรับภาพทั้งแบบ SDR และ HDR รวมกัน จึงทำให้ภาพในส่วนของ HDR มีความเพี้ยนของภาพเล็กน้อยแต่ยังสามารถรับชมได้อยู่ แต่ในจุดนี้แนะนำให้รับชมในรูปแบบ SDR จะให้ผลลัพธ์ของภาพที่ดีกว่าครับ*** 

จากการวัดค่าขอบเขตสีทั้งก่อนปรับและหลังปรับในส่วนของมาตรฐาน Rec.709 นั้นทำได้ ทะลุ 100% ส่วนขอบเขตสีสำหรับมาตราฐานเครื่องฉายในโรงภาพยนตร์หรือ DCI-P3 ทำได้อยู่ที่ 83.2 % ถือว่าสูงพอสมควรสำหรับเครื่องฉายแบบ Home Entertainment ครับ

ค่าก่อนปรับถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีระดับหนึ่ง
หลังปรับค่ากราฟและภาพที่ได้ถือว่าดีเลยทีเดียว
ให้ขอบเขตสีได้มากถึง 83.2 % ของมาตราฐาน DCI-P3

หลังจากปรับภาพกันไปแล้วที่นี้มาทดสอบการ รับชมจริง กันบ้างดีกว่าว่าภาพที่ได้จะเป็นอย่างไร โดยเรื่องแรกที่นำมาทดสอบเป็นเรื่อง A star is born ในฉากที่ Lady Gaga ร้องเพลงเล่นเปียโนอยู่ในคอนเสิร์ตช่วงกลางของเรื่อง สีผิว สีหน้าของ Lady Gaga นั้นมีความเป็นธรรมชาติ รายละเอียดในที่มืดของฉากหลังเวทีก็ทำได้ดีสำหรับโปรเจ็คเตอร์ในระดับราคานี้เลยครับ

สีผิว รายละเอียดในที่มืด ทำออกมาได้ดีทีเดียว

เรื่อง La La Land ในฉากปาร์ตี้สระน้ำที่พระเอกและนางเอกเจอกันครั้งแรก สีสันของเสื้อผ้า สีของน้ำในสระ สีของต้นไม้ มีความสดเด้งพอสมควร ถูกใจใครหลายๆ คนอย่างแน่นอน

สีสันสดใส ถูกใจใครหลายคนแน่นอน
รับชมภาพรายการทีวีธรรมดาทั่วไปผ่าน YouTube ภาพที่ได้ก็คมชัดสวยงาม

ดูหนังกันไปแล้วทีนี้มา ทดสอบการเล่นเกม กันบ้าง บอกได้เลยว่าการได้เล่นเกมบนจอภาพขนาดใหญ่นี่ได้อรรถรสเป็นอย่างมาก โดยได้ทดสอบการเล่นเกมขับรถ Gran turismo sport และ Street Fighter V ผ่านเครื่อง PS4 Pro และแม้เครื่องนี้จะมีโหมด Game มาให้แต่ไม่ได้ผลกับค่า Input Lag แต่อย่างใด ซึ่งจากการวัดค่าออกมาพบว่าในทุกๆ โหมดนั้นมีค่า Input Lag เท่าๆ กันเลย อยู่ที่ประมาณ 67-68 Ms ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ดีสามารถใช้เล่นเกมได้อย่างไหลลื่นไม่มีปัญหา

เล่นเกมขับรถบนจอใหญ่ๆ ภาพเต็มตาดีจริงๆ ครับ
เกมต่อสู้ภาพเคลื่อนไหวไหลลื่นเนียนตาไม่มีสะดุด

เนื่องด้วย X10-4K เครื่องนี้เป็นโปรเจ็คเตอร์แบบกึ่งพกพา เราจึงสามารถนำไปใช้ต่อกับคอมพิวเตอร์พรีเซ็นต์งานในที่ต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบาย โดยสามารถเชื่อมต่อได้ผ่านทางสาย HDMI หรือ USB-C กับอุปกรณ์ที่รองรับได้เลย

ต่อภาพจาก Macbook ด้วย USB-C
เชื่อมต่อที่ช่อง USB-C ด้านหลังเครื่อง
ใช้พรีเซ็นท์หรือทำงาน บนจอใหญ่ๆ ได้เลย
มี Motion แทรกเฟรมภาพมาให้ด้วยนะ

ViewSonic X10-4K ได้ใส่ฟีเจอร์ Motion แทรกเฟรมภาพ เพื่อความลื่นไหลมาให้ด้วย โดยมีให้เลือกทั้งหมด 3 ระดับ คือ สูง กลาง ต่ำ ซึ่งจากการทดสอบใครที่ชอบภาพแบบลื่นๆ แนะนำให้เลือกเปิดในระดับต่ำ ก็เพียงพอแล้วครับ ภาพที่ได้จะลื่นกำลังดีโดยไม่มีวุ้นหรือกระตุกมาให้เราเห็นมากนัก

อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่แม้ทุกวันนี้อาจถูกพูดถึงน้อยลงไปมากแล้ว แต่ก็ยังมีหลายคนที่ชื่นชอบการใช้งานฟีเจอร์นี้อยู่ นั่นก็คือฟีเจอร์การแสดงผลภาพแบบ 3D นั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่า X10-4K เครื่องนี้ก็รองรับการแสดงผล 3D แต่ทาง ViewSonic ไม่ได้ส่งแว่น 3 มิติมาให้ ผมจึงลองนำแว่น 3D DLP ที่ผมมีอยู่แล้วมาทดสอบ ภาพทีได้ถือว่าดีเลยทีเดียว มีลอยมีลึก มีความชัดตื้นของภาพ เรียกว่าผ่านฉลุยเลยครับ 

เสียง

เรื่อง เสียง ของ X10-4K เครื่องนี้บอกได้เลยว่าไม่ธรรมดา มาพร้อมลำโพงขนาด 8Wx2 ที่ตัวลำโพงและโหมดเสียงต่างๆ ได้รับการออกแบบโดยผู้ผลิตเครื่องเสียงชื่อดังอย่าง Harman/Kardon เนื้อเสียงโดยรวมมีความ ใสชัดเจน เสียงเบสอยู่ในระดับที่ฟังสนุก สามารถให้อรรถรสในการดูหนัง ฟังเพลง ได้ดีเทียบเท่าลำโพง Bluetooth ดีๆ ตัวหนึ่งได้เลย

ทดสอบฟังเพลงจาก YouTube

มี โหมดเสียง ให้เลือกทั้งหมด 2 แบบ คือ ภาพยนตร์ และ ผู้ใช้ ซึ่งในส่วนของผู้ใช้นั้นเราจะสามารถ ปรับ EQ ได้ตามใจชอบ จากที่ผมได้ทดลองทำการปรับดูบอกได้เลยว่าประทับใจพอสมควร เพราะจากที่เคยทดสอบมาไม่ว่าจะเป็น โปรเจ็คเตอร์ หรือ ทีวี รุ่นต่างๆ เวลาเราปรับ EQ ต่างๆ มักจะไม่ค่อยเห็นผลอย่างชัดเจนสักเท่าไหร่ แต่กับ X10-4K เครื่องนี้ เสียงเปลี่ยนไปตามที่เราต้องการจริงๆ อย่างสัมผัสได้ครับ

มี EQ ให้เลือกปรับได้ตามใจชอบเลย

สรุป

ข้อดี

1.มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Smart ในตัวเรียกได้ว่าเป็น Best of Smart 4K Projector ในตอนนี้เลยก็ว่าได้

2.มีแอปพลิเคชั่นยอดฮิตอย่าง YouTube และ Netflix ให้สามารถดาวน์โหลดมาใช้งานรับชมผ่านตัวเครื่องได้เลย

3.มีฟีเจอร์ Auto Focus และ Auto Keystone ช่วยให้การติดตั้งสะดวกสบาย

4.ลำโพงและระบบเสียงจาก Harman/Kardon ที่ให้คุณภาพเสียงที่ดีแถมยังสามารถใช้เป็นลำโพง Bluetooth ไร้สายได้อีกด้วย

ข้อเสีย

1.ขาตั้งเป็นแบบพับทำ ไม่สามารถปรับความสูงแบบละเอียดได้ แต่สามารถใช้งานได้ง่ายในการติดตั้งแบบทั่วไป

2.ไม่มี Optical Zoom หรือ Digital Zoom มาให้

3.แอป Netflix เป็นรูปแบบเดียวกับมือถือเวอร์ชั่นเก่ารองรับความละเอียดภาพสูงสุดแค่ 720p เท่านั้น แต่หากรับชมในระยะที่เหมาะสมภาพที่ได้ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี

สรุป ViewSonic X10-4K เครื่องนี้เป็น Smart Projector ความละเอียดภาพแบบ 4K รองรับ HDR ใช้แหล่งกำเนิดแสงแบบ LED สามารถใช้งานได้ยาวนานสูงสุด 30,000 ชั่วโมง มีฟีเจอร์ Auto Focus กับ Auto Keyston ที่ช่วยให้ติดตั้งเครื่องได้อย่างง่ายดาย รองรับการเชื่อมต่อ Internet ไร้สายแบบ Wi-Fi จาก Dongle ที่แถมมาให้ในกล่อง ใช้ระบบปฏิบัติการ Android ที่มีการปรับแต่งมาให้ใช้งานบนโปรเจ็คเตอร์เครื่องนี้ได้อย่างราบรื่น มีแอปพลิเคชั่นดูหนังดูวีดีโอยอดฮิตอย่าง YouTube กับ Netflix มาให้ในตัว มาพร้อมลำโพงและระบบเสียงจาก Harman/Kardon ที่ให้เสียงที่ดี แถมยังสามารถใช้งานเป็นลำโพง Bluetooth ไร้สายได้อีกด้วย

คะแนน

ดีไซน์ (Design)
8.5
ภาพ 2 มิติ ก่อนปรับภาพ (2D Picture Pre-Calibrated)
8.5
ภาพ 2 มิติ หลังปรับภาพ (2D Picture Post-Calibrated)
8.5
เสียง (Sound)
9
การเชื่อมต่อ (Connectivity)
8
ลูกเล่น (Features)
8.5
ความคุ้มค่า (Value)
8
คะแนนตัดสิน (Total)
8.4

ViewSonic X10-4K

8.4

ราคาเปิดตัวอยู่ที่ 54,900 บาท