ติดตั้งไดรเวอร์ 1″ Aluminium Tweeter และ 6.5″ Woven Kevlar Cone ทำหน้าที่เป็น Bass/Midrange Driver และ Bass Driver อย่างละชุด ตามลักษณะลำโพงแบบ 2 ทางครึ่ง ด้านหน้าติดตั้ง Flowport อยู่บริเวณส่วนล่าง แผงหน้าที่เห็นเป็นสีดำนั้น เป็นวัสดุสังเคราะห์ผิวเรียบ ไม่มีลวดลาย ยืดหยุ่นเล็กน้อยคล้ายยางแข็ง ซึ่งลักษณะการใช้งานวัสดุสังเคราะห์ปิดทับแผงหน้าแบบนี้ น่าจะคุ้นเคยกันดีจาก 600 Series (รวมถึง 300 Series) ในอดีต ตัวตู้บริเวณอื่นนอกจากแผงหน้า ปิดผิวด้วยไวนีลลายไม้โดยรอบ แม้มิใช่ผิวไม้แท้ แต่งานตัวตู้ก็ประณีตเรียบร้อยดีมาก ขอบตู้เน้นเหลี่ยมมุมชัดเจน ลักษณะตู้จึงเป็นทรงสี่เหลี่ยมตรงไปตรงมา ไม่มีการลบมุมใดๆ ให้ความรู้สึกเรียบง่าย ไม่อาศัยความซับซ้อนของรูปทรงให้ดูหวือหวา ทว่าโดดเด่นทันสมัยจากความเรียบนี่แหละ
เท่ากับว่ารุ่น 684 นี้ เป็นลำโพงตู้เปิดที่ติดตั้ง Flowport ในการจูนเสียงความถี่ต่ำถึง 2 จุด ทั้งด้านหน้าและหลังตู้ลำโพง แน่นอนว่าผลกระทบกับการใช้งานจริงในประเด็นตำแหน่งตั้งวาง และเมื่อทำการปรับจูนเสียงความถี่ต่ำด้วย Foam plug จะแตกต่างกันไป สำหรับท่อเปิดทั้ง 2 จุดนี้ (รายละเอียดจะกล่าวถึงอีกครั้งช่วงรายงานการทดสอบครับ)
หมายเหตุ: จากรูป ขั้วต่อสายลำโพงของ 684 นี้ ทีมงานทำการถอดจัมเปอร์โลหะที่เชื่อมระหว่างขั้วบน (HF) และขั้วล่าง (LF) ออกไป ซึ่งปกติจะมีจัมเปอร์ติดตั้งมากับตัวลำโพงแต่แรก ทว่าให้ถอดออกกรณีเชื่อมต่อสายลำโพงแบบไบไวร์ (หรือไบแอมป์)
อุปกรณ์อื่นๆ ที่ผู้ผลิตให้มาในกล่อง นอกจากคู่มือการใช้งานแล้ว ยังมีอุปกรณ์เสริมอย่าง Foam plug (จุกโฟมอุดท่อเบส) และอุปกรณ์รองรับฐานลำโพง เพิ่มความมั่นคงในการตั้งวาง มีทั้งแบบเดือยแหลม (Spike) และแบบยางสังเคราะห์ทรงกลมผ่าครึ่ง… เพื่อให้ง่ายในการเรียกอุปกรณ์รองรับทั้ง 2 แบบ ต่อไปผมขอเรียกรวมๆ ว่า Spike แล้วกันนะครับ
ทั้งนี้ถึงแม้จะเรียกว่าอุปกรณ์เสริม (Accessories) แต่ทั้ง Foam plug และ Spike ก็มีความสำคัญในแง่ของการเสริมศักยภาพในขั้นตอนใช้งานจริงอยู่มาก รายละเอียดจะทยอยกล่าวถึงต่อไป
หมายเหตุ:
– Spike จะมีให้มาเฉพาะลำโพงรุ่นตั้งพื้น และลำโพงซับวูฟเฟอร์เท่านั้น ซึ่งการจะใช้งาน Spike กับลำโพงตั้งพื้น ต้องทำการติดตั้ง “ฐานลำโพง” ก่อน (ดูรายละเอียดช่วงถัดไป) กล่าวคือ สำหรับลำโพงตั้งพื้น ไม่สามารถติดตั้ง Spike เข้ากับตัวตู้ลำโพงโดยตรง ผิดกับลำโพงซับวูฟเฟอร์ที่สามารถติดตั้ง Spike ด้านล่างของตัวตู้ลำโพงได้เลย
– ส่วน Foam plug จะให้มาตามจำนวนและขนาด Flow port ของลำโพงรุ่นนั้นๆ ไม่ว่ารุ่นตั้งพื้น หรือวางหิ้ง ในกรณีของ 684 ที่มี Flow port 2 ช่อง จะมี Foam plug 2 อัน ต่อข้าง ส่วนรุ่นอื่นๆ ให้มา 1 อัน ต่อข้าง Foam plug นี้ สามารถปรับรูปแบบให้มีลักษณะอุดเต็มท่อ หรืออุดแล้วมีรูเปิดเพียงบางส่วนก็ได้ ซึ่งจะมีประโยชน์ในแง่ของการกำหนดระดับปรับจูนอัตราการตอบสนองความถี่ต่ำของลำโพง ให้เหมาะสมกับสภาพการใช้งาน
ลำโพงตั้งพื้นในซีรี่ส์ 600 ก่อนการใช้งาน จำเป็นต้องติดตั้ง “ฐานลำโพง” ดังรูป ทั้งนี้ถึงแม้ฐานดังกล่าวจะมีโครงสร้างที่เรียบง่าย ดูไม่ซับซ้อนอะไรนัก คือ เป็นแผ่นไม้ MDF ธรรมดา แต่ก็มีความจำเป็น เพื่อให้ลำโพงมีเสถียรภาพ ซึ่งเมื่อติดตั้งแล้วจะทำหน้าที่เป็นฐานรองรับตัวตู้ลำโพง พร้อมกับเป็นจุดยึด Spike ไปด้วยในตัว ต่อจากนั้นจึงปรับระดับ Spike เพิ่มความมั่นคงในการตั้งวางได้
หมายเหตุ: ในรูปนี้จะเห็นจัมเปอร์โลหะที่เชื่อมขั้วลำโพงบน (HF) และล่าง (LF) เข้าด้วยกัน จัมเปอร์โลหะนี้ต้องใส่คาไว้หากเชื่อมต่อสายลำโพงแบบซิงเกิลไวร์ แต่ให้เอาออกเมื่อเชื่อมต่อสายลำโพงแบบไบไวร์