18 Aug 2017
Review

ดูรวม ๆ แล้วมีเสน่ห์! รีวิว Hisense 65M5010 ยิ่งปรับยิ่งดี ทีวีจอใหญ่ราคาจอมด


  • boom

ภาพ

Hisense 65M5010 เป็นทีวีที่มาพร้อมกับความละเอียด 4K Ultra HD พร้อมรองรับฟีเจอร์ล่าสุดของยุคที่คนรักทีวีต้องมีนั่นก็คือการแสดงผลภาพแบบ HDR ทว่าการจะได้มาซึ่งภาพแบบ HDR นั้น จะต้องมีปัจจัยคือคอนเทนต์ที่เล่นอยู่จะต้องเป็น HDR ด้วย และต้องมีการปรับค่าที่ตัวทีวีนิดหน่อย

หลังจากที่เสียบสาย HDMI เวอร์ชั่น 2.0 เข้าด้านหลังเครื่อง ก็ให้ไปที่เมนู System > HDMI 2.0 Format แล้วเลือกค่าเป็น Enhanced format เพียงเท่านี้ทีวีของเราก็พร้อมที่จะโดดเด่นด้วยภาพแบบ High Dynamic Range แล้วครับผม

เริ่มทดสอบด้วย Ghostbusters (2016) ในฉากไคลแม็กซ์ท้ายเรื่อง ที่มีเอฟเฟกต์แสงสีตระการตาท่ามกลางความมืดมิดของเมืองนิวยอร์ค ข้อสังเกตที่เห็นได้ชัดเมื่อทำการดูคอนเทนต์แบบ HDR คือส่วนสว่างก็จะว่างเจิดจรัสสวยงาม ในขณะที่รายละเอียดในที่มืดจะยังคงชัดเจนเหมาะสม

ภาพจาก Hisense 65M5010 ตัวนี้ แรกเริ่มถูกปรับโหมดภาพเอาไว้ที่ HDR Standard ซึ่งให้แสงสีที่สว่างสู้ไฟภายนอกได้ดีระดับหนึ่ง ทว่าสีสันอาจจะดูผิดเพี้ยนไปจากจริงเสียหน่อย ทีมงานจึงลองสลับโหมดไปยัง HDR Cinema ที่ให้ผลลัพธ์ด้านสีสันที่ดีกว่า แต่ความสว่างจะลดลง ฉะนั้นโหมดนี้จึงเหมาะกับห้องที่ปิดม่านคุมแสงได้ ถ้าเปิดใช้งานกลางวันในห้องที่แสงเข้าเยอะ ๆ ดูจะไม่เหมาะ

โหมดภาพแบบ HDR จะโผล่ออกมาให้เราเลือกเฉพาะตอนที่เล่นคอนเทนต์แบบ HDR เท่านั้น

อีกหนึ่งเรื่องที่เราหยิบมาทดสอบคือ Kingsman: The Secret Service ที่บรรยากาศในเรื่องส่วนใหญ่จะเป็นตอนกลางวัน ฉะนั้นโหมด HDR Cinema จึงถูกหยิบยกมาใช้งานทันทีแบบไม่ต้องคิดมาก สีผิวธรรมชาติจากโหมดนี้ค่อนข้างจะตรงกับสีผิวคนจริง ไม่พบความเพี้ยนมากเท่าไรนัก ความสว่างกับรายละเอียดในที่มืดก็ออกมาดูเหมาะสมไม่หยาบกร้านจนเกินไป

ชัด ๆ อีกภาพกับ Agent Galahad ผู้ที่จะมาเซอร์ไพร์สในภาคสอง
แอบสลับไปดูสารคดีสัตว์โลกเพื่อเช็คสีสันกันบ้าง

Kingsman อาจจะเป็นฉากกลางวันก็จริง แต่หนังมีการคุมโทนสีมาอย่างดี ฉะนั้นถ้าต้องการจะเช็คความหลากหลายของสีสัน ผมเลยหยิบสารคดี Planet Earth II ขึ้นมาใช้เล่น หนึ่งตัวอย่างที่หยิบมาให้ดูคือฉากซาลาแมนเดอร์ด้านบน เฉดสีเขียวบนตัวมัน ถูกถ่ายทอดออกมาในสารพัดเฉด หรือจะเรียกว่าเป็น 50 Shade of Salamander ก็ว่าได้ นับเป็นจุดแข็งของคอนเทนต์แบบ HDR ซึ่ง Hisense 65M5010 ตัวนี้ก็ถ่ายทอดมันออกมาได้สวยงามดี

หลังจากดูภาพจากโรงงานกันด้วยตาเปล่าแบบคร่าว ๆ ก็ได้เวลามาปรับภาพกัน ก่อนอื่นเรามาเช็คค่าอุณหภูมิสีก่อนทำการปรับภาพดีกว่าครับ

จากตารางด้านบนจะเห็นว่าโหมด Cinema ให้ความเที่ยงตรงของสีได้มากที่สุด เราเลยขอเลือกโหมดดังกล่าวมาทำการปรับค่าต่อ
ด้านบนคือกราฟสี RGB Balance จากโหมด Cinema ขอบเขตสีครอบคลุม 98.8% ของ Rec.709 ซึ่งภาพจริงค่อนข้างจะติดสีเหลืองไปเสียหน่อย

ต้องบอกว่าค่าภาพตั้งต้นจากโรงงานอาจจะยังไม่ค่อยจะเที่ยงตรงเท่าไรนัก แต่โหมดที่พอใช้ได้ก็เห็นจะเป็น Movie ที่อุณหภูมิสีค่อนข้างจะใกล้เคียงค่ามาตรฐาน 6500K ทว่าความพิเศษของทีวีตัวนี้ คือมันสามารถปรับภาพละเอียดแบบ 10p White Balance ได้ ซึ่งนับว่าค่อนข้างน่าสนใจเลยทีเดียว เราตามมาดูค่าหลังปรับภาพที่รูปด้านล่างกันครับ

จะเห็นว่ากราฟ RGB Balance แทบจะแนบสนิทเป็นเส้นเดียวกันเลยทั้งสามสี เป็นม้ามืดทีวีแดนมังกรที่ให้ผลลัพธ์หลังการปรับภาพที่ยอดเยี่ยม เผลอ ๆ อาจจะดีกว่าทีวีแบรนด์ดังในบางรุ่นด้วยซ้ำไป
ปรับแบบ SDR ไปแล้วคราวนี้มาลองแบบ HDR บ้าง เช่นเคยเราใช้โหมด HDR Cinema ที่ให้สีดูใกล้เคียงมาตรฐานที่สุด
หลังปรับเรียบร้อยแล้วค่าที่ได้ก็ออกมาดูดีเหมือนฝั่ง SDR แต่ว่ายังไม่รองรับ Wide Color Gamut เพราะส่วนใหญ่น่าจะต้องครอบคลุมประมาณ 97.1% – 98.8% สำหรับทีวีที่แสดงผลแบบ HDR

จบจากเรื่องของสีสันเราก็มาทดลองดูเรื่องการตอบสนองต่อภาพเคลื่อนไหวกันต่อ ซึ่งตรงนี้จากที่เช็คลักษณะทางกายภาพ พบว่าตัวจอน่าจะใช้พาแนล VA ฉะนั้นแล้ว เรื่องของ Input Lag จึงทำได้ค่อนข้างดี สำหรับโหมด PC, Game โดยอจะอยู่ที่ประมาณ 29 ms ขณะที่โหมดอื่นจะขึ้นไปที่ 87.2 ms

ในส่วนของโหมด Motion ตัวเครื่องมีโหมดสำเร็จรูปมาให้เราเลือกใช้ 2 ระดับถ้วน ไม่สามารถ Custom ได้ ซึ่งจากที่ผมได้ทดสอบกับฉากเอเลี่ยนบุกเมืองในเรื่อง The Avengers พบว่าการประมวลผลแทรกเฟรมภาพ ยังเนียนนิ่งสู้รุ่นท็อป ๆ ของแบรนด์ดังไม่ค่อยได้ แต่ก็ไม่ได้อยู่ในระดับที่แย่ แต่ส่วนตัวแล้วผมจะชอบปิดโหมดนี้ไปเพราะภาพมันจะดูหลอก ๆ ตาชอบกลครับผม