เสียง
ในทีวีจอใหญ่ ๆ เรามักจะคาดหวังว่าระบบเสียงที่ทำออกมาน่าจะดีและฟังสนุกเลยทีเดียว เหตุเพราะมันน่าจะมีพื้นที่เหลือพอให้ใส่ไดร์เวอร์ที่ให้เสียงดี ๆ ได้ ซึ่งสำหรับ 65M5010 ตัวนี้นั้น มาพร้อมกับไดร์เวอร์กำลังขับ 15W + 15W เรียกว่าสูงสุดในรุ่น พร้อมกับโหมดเสียงมากมายไล่เรียงตั้งแต่ Standard, Theatre, Music, Speech และ Late Night
สำหรับการใช้งานโหมดเสียงหลัก ๆ นั้นผมยังคงยืนยันคำเดิมที่จะแนะนำโหมด Standard ซึ่งให้เสียงที่ดังกังวาลมีน้ำหนักดูเป็นธรรมชาติ ในส่วนของโหมดอื่นถ้าเป็น Theatre, Music, Speech ก็จะเน้นไปที่การปรับแต่ง EQ ให้เนื้อเสียงดูเปลี่ยนไปตามการใช้งานนั้น ๆ ส่วนโหมด Late Night จะเป็นทางตรงกันข้าม คือเป็นการลดระดับความจัดจ้านให้เหมาะกับการเปิดใช้งานยามค่ำคืนหลังจากภรรยาและลูกน้อยหลับไปแล้ว
เพิ่มเติม
แพล็ตฟอร์มสมาร์ททีวีของ Hisense นั้นมีชื่อเรียกสั้น ๆ ว่า VIDDA โดยมีจุดเด่นที่ค่อนข้างเน้นในเรื่องการใช้งานเข้าถึงวิดีโอคอนเทนต์ที่ง่ายดาย และสามารถตอบสนองต่อการใช้งานได้อย่างรวดเร็วด้วยชิพประมวลผล Quad Core เรียกว่าทีมงาน LCDTVTHAILAND น่าจะเป็นที่แรกในไทยที่ได้ทดลองใช้งานอย่างเต็มรูปแบบ
จุดที่ทีมงานจะมาโฟกัสก็คือคลังแสงวิดีโอออนไลน์อย่าง YouTube ก่อนเลยครับ เราทดลองเปิดคลิปสารคดีความละเอียด 4K ซึ่งในตอนแรกเริ่มตัวแอปฯ จะทำการเล่นที่ความละเอียด Full HD ก่อน แต่ถ้าหากว่าข้อมูลทำการ Buffer ได้ระดับแล้ว ก็จะเริ่มเล่นที่ความละเอียด 4K Ultra HD ให้โดยอัตโนมัติตามรูปด้านล่างครับ
ถัดมาเป็น Netflix ที่ทำเอาหลายคนติดซีรี่ย์จนลืมนอนมาแล้ว นอกจากเราจะรับชมซีรี่ย์แบบ 4K ชัดแจ่มกันได้แล้ว สำหรับเรื่องที่ออกอากาศแบบ HDR ตัวเครื่องก็รองรับและสามารถเล่นมันออกมาได้อย่างลื่นไหล โดยความเร็วของอินเทอร์เน็ตที่สามารถรับชมได้อย่างไม่มีสะดุดควรจะเริ่มตั้งแต่ 20 Mbps เป็นต้นไปครับ
มีบางท่านอาจจะประสบกับปัญหาซับสะท้อนแสง คือตัวหนังสีกลมกล่อม แต่ซับไตเติ้ลนี่ขาวจ้าเหมือนโดนน้ำยาฟอกมาแต่ไกล ในจุดนี้ทีมงานแนะนำให้ทดลองปรับโหมดภาพ HDR ให้กลายเป็น HDR Cinema แล้วปรับลด Backlight ลงเล็กน้อย เพื่อลดอาการเจิดจ้าให้สมดุลย์กับภาพยนตร์ด้านหลังที่เล่นอยู่ครับ