สรุป
บอกตรง ๆ ว่าผมค่อนข้างประหลาดใจกับประสิทธิภาพของ Hisense 65M5010 ตัวนี้อยู่ไม่น้อย แม้ว่าความแม่นยำของสีสันในโหมดภาพจากโรงงานอาจจะยังไม่แน่นอนสักเท่าไร แต่ภายหลังจากได้รับการปรับภาพแล้ว ทีวีตัวนี้สามารถถ่ายทอดสีสันออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมไม่แพ้แบรนด์ดังจากเกาหลีหรือญี่ปุ่นกันเลยทีเดียว ซึ่งเป็นผลพวงจากความสามารถในการปรับ White Balance แบบ 10p ที่ช่วยให้เราปรับ RGB Balance ออกมาได้แนบเนียนอย่างที่ได้เห็นในกราฟในหน้า 2
นอกเหนือจากนี้เรื่องของ Smart TV ก็ต้องบอกว่าค่อนข้างจะใช้ง่ายอยู่พอสมควร แต่ผมเชื่อว่าคอนเทนต์ที่คนเราจะใช้งานกันบ่อย ๆ ตัวเครื่องยังมีไม่เยอะพอ (หรือจริง ๆ เราก็ดูกันแต่ YouTube, Netflix นั่นแหละ?) ก็ต้องมาลองดูกันว่าทาง Hisense จะมีมาตรการอัพเดตให้ผู้ใช้อย่างไร
ก็ขอสรุปตรงนี้เลยนะครับว่าทีวีเครื่องนี้มีดีซ่อนอยู่ แต่อาจจะต้องได้รับการปรับภาพต่อสักนิด ซึ่งหากพิจารณาค่าตัวแล้วปฏิเสธไม่ได้ว่าค่อนข้างน่าสนใจเลยทีเดียว เพราะถ้าเป็นยี่ห้อดัง ๆ ที่มีสเปคใกล้เคียงกัน คงทะลุ 5 หมื่นขึ้นไปอย่างแน่นอน ถ้าท่านใดสนใจอยากจะจับจอยักษ์ 65 นิ้ว แล้วพร้อมที่จะปรับภาพเองได้ ก็เชิญมาทดลองชมภาพกันได้กับ Hisense 65M5010 ตัวนี้ครับ
ข้อดี
– ปรับภาพละโคตรเทพ ให้สีสันแม่นยำยิ่งกว่าทีวีแบรนด์ดังบางรุ่นเสียอีก
– Input Lag ในโหมด PC และ Game อยู่ในเกณฑ์ดี แต่ถ้าหากจะนำมาใช้งานอ้างอิงทีมงานแนะนำให้ทำการปรับภาพเพื่อให้ได้สีสันที่เที่ยงตรง เนื่องจากสองโหมดนี้แนวภาพจะอมฟ้านิดหน่อย
– รองรับการแสดงผลคอนเทนต์แบบ HDR
– รองรับการใช้งานคู่กับแอปฯ Netflix และ YouTube แบบ 4K HDR
ข้อเสีย
– Motion ยังไม่แข็งแรงเท่าไรนัก ทีมงานแนะนำให้ปิดไปถ้าต้องการจะรับชมภาพยนตร์ครับ
– ฟีเจอร์ Local Dimming ที่มีมาให้ในเครื่อง จะเปิดปิดหลอดไฟทั้งพื้นที่จอ ทำให้ดูวูบวาบมาก ๆ นอกจากนี้ยังส่งผลต่อการรับชมภาพยนตร์แบบ HDR ทำให้ความสว่างลดลง จึงแนะนำให้ปิดเช่นเดียวกัน
– ยังไม่รองรับ Wide Color Gamut