

ความอเนกประสงค์ของรีโมตอันนี้ ที่พิเศษนอกเหนือจากฟังก์ชั่นแบบรีโมตปกติ คือ การที่มันติดตั้งไมโครโฟนเพื่อรองรับใช้งานอีกหนึ่งฟีเจอร์เด่นของ Smart Interaction หรือ “การสั่งงานด้วยเสียง” นั่นเอง (จะกล่าวถึงต่อไป) เรียกว่าแม้นั่งห่างทีวี ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะอยู่ไกลไมโครโฟน นอกจากนี้ยังรองรับระบบสัมผัส สำหรับใช้งานเพื่อเลื่อนเคอร์เซอร์ได้ด้วย
หมายเหตุ:ในรุ่น LED TV ES8000 นั้น ตัวรับสัญญาณรีโมต Bluetooth จะฝังมากับตัวทีวีเลย ในขณะที่ Plasma TV E8000 แยกตัวรับสัญญาณออกมาดังที่เห็นในรูป (ซึ่งตัวเซ็นเซอร์นี้ต้องใส่แบ็ตเตอรี่ต่างหากด้วย) ทั้งนี้เวลาใช้งานจะต้องทำการ pairing ตัวรับสัญญาณกับทีวีก่อน จึงจะใช้งานรีโมตบลูทูชได้


ช่องต่อ
ช่องต่อของ Samsung PS-51E8000 ดูเผินๆ อาจมิได้มากมาย แต่น่าจะเพียงพอสำหรับการใช้งานในปัจจุบัน แม้จำนวนอาจมิใช่จุดที่ Samsung ต้องการเน้นในรุ่นนี้ ทว่าหากพิจารณาในเรื่องของศักยภาพเสริมที่ยืดหยุ่น ยกตัวอย่างเช่น HDMI In จำนวน 3 ช่อง นั้น นอกจาก HDMI In 2 ที่รองรับฟังก์ชั่น ARC (Audio Return Channel) อันคุ้นเคยแล้ว ในส่วน HDMI In 3 ยังรองรับ MHL (Mobile High-Definition Link) หรือมาตรฐานการเชื่อมต่อสัญญาณภาพและเสียงความละเอียดสูง ร่วมกับ Smart Devices ซึ่ง Smart Devices หลายๆ รุ่นในนั้น คือ ตระกูล Galaxy ของ Samsung นั่นเอง ซึ่งในขณะเชื่อมต่อสามารถชาร์จแบ็ตฯ ให้กับอุปกรณ์ดังกล่าวไปพร้อมกันด้วย ส่วน Wi-Fi Built-In ให้ความยืดหยุ่นสำหรับการใช้งานฟังก์ชั่น Smart TV ได้เป็นอย่างดี ทว่าไม่ทิ้งรูปแบบการเชื่อมต่อผ่านสาย LAN เดิมๆ ไป
หมายเหตุ:
– การใช้งานฟังก์ชั่น ARC สำหรับ Samsung TV ต้องเปิดฟังก์ชั่น Anynet+ ไว้ด้วย (ที่ Setup Menu >> System >> Anynet+ (HDMI-CEC) และทึ่ชุดเครื่องเสียง-โฮมเธียเตอร์ ต้องรองรับฟังก์ชั่น ARC เช่นกัน จึงจะใช้งานฟังก์ชั่นนี้ได้
– MHL เป็นคุณสมบัติที่มีเฉพาะกับอุปกรณ์ Smart Devices บางรุ่น โปรดตรวจสอบข้อมูลจากผู้ผลิตอุปกรณ์ Smart Devices นั้นๆ
- HDMI™ In 3 (ด้านข้าง)
- USB 2.0 3 (ด้านข้าง)
- การเชื่อมต่อ Ethernet 1 (ด้านล่าง) พร้อม Wi-Fi Built-In
- ช่องต่อเข้าวีดีโอ Composite 1 (ด้านล่าง Hybrid ร่วมกับ Component)
- ช่องต่อเข้าวีดีโอ Component 1 (ด้านล่าง Hybrid ร่วมกับ Composite)
- ช่องต่อเข้า RF (Antenna) 1 (ด้านล่าง)
- ช่องต่อเข้า PC HD15 –
- ช่องต่อเข้าเสียงแบบอะนาล็อก 1 (ร่วมกับ Composite และ Component)
- ช่องต่อออกเสียงแบบดิจิทัล 1 (Optical ด้านข้าง)
- ช่องต่อออกเสียงแบบอะนาล็อก /
- ช่องต่อหูฟัง –


นอกจากนี้รุ่นใหม่ได้ตัด PC In (D-sub) ออกไปด้วย หากจะเชื่อมต่อสัญญาณจากคอมพิวเตอร์ ต้องต่อทาง HDMI/DVI เท่านั้น ซึ่งอันที่จริงก็สมควรใช้ HDMI/DVI (ที่เป็นรูปแบบดิจิทัล) มากกว่า เพราะให้คุณภาพของภาพที่ดีกว่า D-sub
ช่องต่ออีกจุด ที่เดิมเคยมีในรุ่นก่อน แต่ถูกตัดไปในรุ่นนี้ คือ Analog Audio Out/Headphone Out หรือช่องต่อเสียงออกแบบอะนาล็อก (ใช้งานร่วมกับช่องหูฟัง) หากจะทำการเชื่อมต่อกับชุดเครื่องเสียงภายนอก คงต้องแนะนำให้ใช้ HDMI (ARC) หรือ Optical แทน ซึ่งเป็นการเชื่อมต่อรูปแบบ “ดิจิทัล” อันเป็นรูปแบบที่เหมาะกับยุคสมัยมากกว่า กระนั้นใครจะต่อลำโพงภายนอก ตรวจสอบดูด้วยว่าชุดเครื่องเสียง-โฮมเธียเตอร์ มีช่องต่อที่กล่าวมาข้างต้นนี้หรือไม่
หมายเหตุุ:กรณีเชื่อมต่อสัญญาณภาพจากคอมพิวเตอร์ทาง DVI to HDMI แล้วต้องการให้มีเสียงออกที่ทีวีด้วย ให้ใช้ช่อง HDMI In 1 เพราะรองรับการเชื่อมต่อร่วมกับสัญญาณเสียงเข้าแบบอะนาล็อก โดยเชื่อมต่อสัญญาณเสียงผ่านช่อง DVI Audio In ที่เป็นรูปแบบ 3.5mm mini jack

เพิ่มเติม
